Translate

28 ธ.ค. 2561

ชีวิตจะดีขึ้นด้วยวิธีการคิดบวก


การคิด+
      คำแนะนำที่เรามักได้ยินบ่อยๆ เวลาทำอะไรผิดพลาด คือคำว่า “ลองมองในแง่ดีสิ” คำๆ นี้มีความหมายในเชิงปลอบใจ แต่ไม่ทำให้ปัญหาที่กำลังประสบหายไป จึงทำให้คำๆ นี้มีความหมายแตกต่างจากคำว่า Positive Thinking ที่ฝรั่งใช้ซึ่งแปลตรงตัวว่า การคิดเชิงบวก
     สิ่งที่ยากที่สุดใน กระบวนการคิดบวก คือ คนเรามักโฟกัสไปยังปัญหาตรงหน้ามากกว่าจะโฟกัสไปที่ภาพรวม ซึ่งบางครั้งก็ทำให้เรื่องเล็กๆที่แก้ไขได้ง่ายดายกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ และยังไปรบกวนประสิทธิภาพในการตัดสินใจของคุณอีกด้วย สิ่งนี้ถูกเรียกว่า ความคิดเชิงลบ
      ความคิดเชิงลบ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นกลไกในการเอาตัวรอด โดยใช้ความกลัวเป็นหลัก แต่หากคนๆนั้นมีความคิดเชิงลบมากๆเข้า จะทำให้กลายเป็นคนไม่กล้าเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ที่แย่กว่านั้นคือมันอาจทำให้คุณพลาดโอกาสดีๆมากมายในชีวิต
      ความคิดบวก เป็นเรื่องของกลไกสมองที่คุณสามารถฝึกได้ ซึ่งคุณต้องตั้งใจในการทำอย่างสม่ำเสมอจนติดเป็นนิสัย 

      การคิดบวกมีผลดีต่อชีวิตของคุณอย่างไร

      การคิดบวกทำให้สุขภาพแข็งแรง
      การมองโลกในแง่ร้ายหรือการคิดลบนั้นมีผลกับสุขภาพของคุณโดยตรง การเป็นคนมองโลกในแง่ลบจะทำให้มีโอกาสที่ร่างกายจะทรุดโทรมกว่าคนที่มองโลกในแง่บวกหรือคิดบวกอย่างเห็นได้ชัด (ผลการวิจัยมากมายต่างสรุปเหมือนกัน)

      การคิดบวกมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของคุณ
      การรักษาความคิดบวกนอกจากจะดีต่อสุขภาพแล้ว พบว่าผู้ที่มีแนวคิดเชิงบวกนั้นมีอัตราการประสบความสำเร็จในการทำงานมากกว่าผู้ที่คิดลบ และมีอัตราการลาออกน้อยกว่าถึงสองเท่า ซึ่งบ่งชี้ว่าเขาเหล่านี้มีความสุขมากกว่า

     วิธีที่ในการปลุกความคิดเชิงบวกให้เกิดขึ้นในตัวคุณ
     1.  แยกข้อเท็จจริงออกจากความเชื่อ

     ก้าวแรกที่สำคัญคือการเรียนรู้ในการโฟกัสไปที่การหยุดความคิดเชิงลบ โดยการจดความกังวล ความกลัวนานับประการแล้วหาคำตอบว่าความกลัวของคุณนั้นมีข้อเท็จจริงมากน้อยเพียงใด มีวิธีป้องกันแก้ไขหรือไม่
     การจดนี้จะช่วยทำให้คุณแยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงกับอาการกลัวไปเองที่เกิดจากความเชื่อผิดๆ ออกจากกันและจะช่วยทำให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

     2. ค้นหาความคิดเชิงบวกในตัวคุณ

     คุณจะเริ่มรู้สึกเป็นธรรมชาติมากขึ้นหลังจากฝึกฝนมาซักระยะ มาถึงขั้นตอนต่อไป ขั้นตอนนี้คือขั้นตอนการปรับวิธีคิดของสมอง โดยทุกครั้งที่คุณเริ่มรู้สึกแย่ ให้คุณเตือนตัวเองแล้วลองจินตนาการถึงเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นในวันนั้น อะไรก็ได้ซักอย่างหนึ่ง หากคุณรู้สึกดีขึ้นแสดงว่าสมองของคุณเริ่มคุ้นเคยกับการคิดเชิงบวกแล้ว แต่หากเรื่องราวนี้ไม่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นเลยให้คุณลองจินตนาการถึงเรื่องราวดีๆ ย้อนกลับไปยังวันก่อนๆ จนพบเรื่องราวที่ทำให้คุณมีความสุขได้
     จุดประสงค์ในการทำเช่นนี้เพื่อดึงสติของคุณกลับมา เพื่อหยุดความคิดเป็นลบที่กำลังเข้ามาบดบังการตัดสินใจของคุณ ขเพื่อแทนที่ความคิดด้านลบด้วยความคิดด้านบวก

          3. ปลูกฝังความคิดที่ทำให้คุณพอใจในสิ่งที่มี

          เริ่มจากให้คุณลองใช้เวลาไตร่ตรองว่าอะไรบ้างในชีวิตของคุณที่ทำให้คุณรู้สึกพึงพอใจ หรือเรื่องที่ทำให้รู้สึกภูมิใจในตนเอง โดยไม่ต้องคำนึงถึงความถูกต้อง คุณสามารถสร้างความรู้สึกพอใจในสิ่งที่มีโดยการโฟกัสไปที่ความคิดเชิงบวกของคุณ ทุกครั้งที่สมองของคุณเริ่มต่อต้าน ให้คุณใช้สิ่งนี้เพื่อรักษาความคิดเชิงบวกของคุณไว้
       
           ถึงแม้ว่าเคล็ดลับทั้งสามข้อนี้จะเป็นเหมือนเรื่องพื้นๆที่ใครๆ ต่างบอกคุณอยู่เสมอ แต่การฝึกฝนให้มีความคิดเชิงบวกนี้จะช่วยทำให้คุณมองเห็นความเป็นไปได้ในทุกโอกาสซึ่งมันจะช่วยให้คุณสามารถสร้างผลงานยิ่งใหญ่อีกมากมายด้วยการเปลี่ยนความคิดนี้

    ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น